ทำไม “ทองคำ” ถึงถูกเรียกว่า เงินของพระเจ้า?

ลองนึกถึงสินทรัพย์สักชิ้น ที่ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย ผ่านมากี่สงคราม หรือเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีไปมากเพียงใด มันก็ยังคงมีคุณค่า ไม่ผุกร่อน ไม่เสื่อมถอย และไม่เคยถูกลืม สินทรัพย์นั้นคือ “ทองคำ” และนี่คือเหตุผลที่มันได้รับฉายาว่า “เงินของพระเจ้า” (Gods Money) บทความนี้จะพาคุณย้อนรอยจากจุดเริ่มต้นของทองคำในประวัติศาสตร์ ไปจนถึงบทบาทของมันในระบบการเงินโลกยุคปัจจุบัน

จุดเริ่มต้นของทองคำ: เมื่อโลกยังไม่มีเงิน

เมื่อหลายพันปีก่อน มนุษย์ยังไม่มีเงินตรา สิ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนกันคือระบบ ของแลกของ (Barter System) เช่น ข้าวแลกปลา หรือผ้าแลกเกลือ แต่ระบบนี้มีข้อจำกัดสำคัญ คือ “คุณต้องเจอคนที่ต้องการสิ่งของของคุณ และคุณก็ต้องต้องการของเขา” ความยุ่งยากนี้จึงทำให้มนุษย์เริ่มมองหาสิ่งที่ทุกคนยอมรับให้เป็น ตัวกลางในการแลกเปลี่ยน ทองคำกลายเป็นคำตอบ เพราะมันมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด:

• หายาก
• มีความเงางามสวยงาม
• ไม่เสื่อมสภาพ
• พกพาง่าย และแบ่งหน่วยได้
• ทุกคน “ให้มูลค่า” กับมันโดยสัญชาตญาณ

ทองคำกับบทบาทในระบบการเงินโลก

จากฟาโรห์ถึงธนาคารกลาง

ย้อนหลังไปกว่า 4,000 ปี ชาวอียิปต์ใช้ทองคำในการถวายฟาโรห์ ข้ามเวลามาถึงยุคปัจจุบัน ธนาคารกลางทั่วโลกยังถือทองคำไว้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะในช่วงสงคราม เศรษฐกิจถดถอย หรือเงินเฟ้อรุนแรง ทองคำถูกมองว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” หรือ Safe Haven ที่ใช้หลบภัยจากความผันผวนของโลกการเงิน

ราคาทองคำ: พยานของกาลเวลา

ลองดูตัวเลขเหล่านี้:

• ปี 1850: ราคาทองคำอยู่ที่ประมาณ 19 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
• ปี 2025: ราคาทองคำทะยานขึ้นถึง 3,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

เพิ่มขึ้น 174 เท่าใน 175 ปี สะท้อนให้เห็นว่าทองคำไม่ได้แค่ “มีมูลค่า” แต่ยังช่วย “รักษามูลค่า” ไว้ได้ในระยะยาว

ทำไมราคาทองคำถึงขึ้นเรื่อย ๆ?

1.อุปสงค์-อุปทาน

ทองคำเป็นทรัพยากรจำกัด การขุดหาใหม่ยิ่งทำได้ยากขึ้น

2.ความเชื่อมั่น

นักลงทุนทั่วโลกยังมองว่าทองคำคือสัญลักษณ์ของเสถียรภาพ

3.เงินเฟ้อและการพิมพ์เงิน

เมื่อธนาคารกลางพิมพ์เงินเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อก็สูงขึ้น แต่ทองคำยัง “อยู่ที่เดิม” จึงกลายเป็นที่พักเงินของนักลงทุน

4.ทุนสำรองของประเทศ

หลายประเทศถือทองคำไว้เป็น “ทุนสำรองระหว่างประเทศ” เพื่อเสริมเสถียรภาพทางการเงิน

ประเทศที่ถือทองคำมากที่สุดในโลก ข้อมูล ณ ปี 2025

ทองคำในวันที่โลกเปลี่ยนเร็ว

ทุกวันนี้โลกการเงินขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี จาก Internet Banking → Crypto → DeFi → AI ในการจัดการพอร์ตลงทุนแต่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น ทองคำยังคงอยู่…และยังคง “เปล่งประกาย”

คำถามที่น่าสนใจก็คือ

ทองคำจะยังครองสถานะ “เงินของพระเจ้า” ได้อีกนานแค่ไหน?

หรือที่สุดแล้วจะมีสินทรัพย์ใหม่ที่เข้ามาแทนที่?

เกร็ดท้ายบท: ทองคำจากห้องแล็บ

นักวิทยาศาสตร์สามารถ “สร้างทองคำ” ได้จริง โดยใช้เครื่องเร่งอนุภาคและกระบวนการนิวเคลียร์เปลี่ยนธาตุอื่นให้กลายเป็นทองคำ แต่…ต้นทุนสูงถึงหลายล้านดอลลาร์ และผลผลิตที่ได้ก็น้อยมากจน “ไม่คุ้มในเชิงเศรษฐกิจ” ทองคำจากธรรมชาติจึงยังเป็นสิ่งล้ำค่า ที่แทบไม่มีอะไรทดแทนได้จริง

สรุปประเด็นสำคัญ

• ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มนุษย์ยอมรับมายาวนานกว่า 4,000 ปี
• มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็น “เงิน”: หายาก ทนทาน มีมูลค่าในตัว
• ราคาทองคำสะท้อนความมั่นคง และมักเพิ่มขึ้นในระยะยาว
• ถูกใช้เป็นทุนสำรองของประเทศ และสินทรัพย์ปลอดภัยในยามวิกฤต
• แม้จะมีเทคโนโลยีการเงินใหม่ ๆ ทองคำยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคง
• การผลิตทองคำจากห้องแล็บยังไม่สามารถแทนที่ทองจากธรรมชาติได้ในทางปฏิบัติ

ทองคำจึงไม่ใช่แค่โลหะมีค่าแต่มันคือตัวแทนของ “ความเชื่อมั่น” และ “ความมั่งคั่ง” ที่อยู่เหนือกาลเวลา และนั่นคือเหตุผลที่มันได้รับฉายาว่า

“เงินของพระเจ้า”

อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4

คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!