简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ในปี 1869 เกิดเหตุการณ์ “Black Friday” ในสหรัฐฯ เมื่อ Jay Gould และ James Fisk สองนักเก็งกำไรชื่อดัง ใช้เส้นสายในรัฐบาลและข้อมูลวงใน ปั่นราคาทองคำขึ้นสูงลิ่ว เพื่อโกยกำไร จากนั้นจดหมายลับที่เปิดเผยแผนการถูกส่งถึงประธานาธิบดี Grant ทำให้รัฐบาลขายทองออกมาทันที ราคาทองร่วงหนัก นักลงทุนล้มละลาย ตลาดพังหนัก เหตุการณ์นี้สอนให้รู้ว่าอำนาจ ความสัมพันธ์ และข้อมูลวงใน สามารถเขย่าตลาดได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม
ย้อนปฏิบัติการสุดอื้อฉาว Black Friday 1869 – สหรัฐอเมริกา กับเรื่องจริงที่โลภกว่านิยาย
เวลาได้ยินคำว่า “Black Friday” หลายคนคงนึกถึงช่วงลดราคาสินค้าครั้งยิ่งใหญ่แห่งปีในอเมริกา แต่คุณอาจไม่เคยรู้ว่าในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็เคยมี “Black Friday” ที่ไม่ได้ลดราคาอะไรเลย... แต่มัน “ทำลาย” นักลงทุนจำนวนมากอย่างไม่ปรานี
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน ปี 1869 หรือกว่า 150 ปีก่อน แต่แผนการปั่นราคาทองคำในครั้งนั้นยังถูกพูดถึงจนถึงทุกวันนี้ เพราะมันไม่ได้เป็นแค่การเล่นแร่แปรธาตุในตลาด แต่เป็นการใช้อำนาจ เส้นสาย และการหลอกลวงอย่างโจ่งแจ้ง ที่นำไปสู่หายนะทั้งระบบ
จุดเริ่มต้นจากประเทศที่หนี้ท่วม
หลังสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ จบลงในปี 1865 ประเทศอยู่ในสภาพยับเยิน ทั้งชีวิตผู้คนและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาระหนี้ก้อนโตที่รัฐบาลกลางก่อขึ้นเพื่อใช้ทำสงคราม
เมื่อ Ulysses S. Grant ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 1869 เขาต้องรับผิดชอบกู้เศรษฐกิจ หนึ่งในนโยบายหลักคือการขายทองคำสำรองของรัฐบาลออกมาเพื่อระดมเงินไปใช้หนี้ แน่นอนว่านี่คือข่าวสำคัญที่สามารถสั่นสะเทือนตลาดการเงินได้ทั้งประเทศ
ตัวละครลับที่ไม่ได้ลับ
ก่อนที่แผนขายทองคำของรัฐบาลจะเกิดขึ้นจริง มีกลุ่มนักธุรกิจวอลล์สตรีตกลุ่มหนึ่งได้กลิ่นเงินเข้าเสียก่อน พวกเขาคือ:
Gould และ Fisk มีแผน: พวกเขาต้องรู้ให้ได้ว่า “รัฐบาลจะขายทองเมื่อไหร่” เพราะนั่นคือโอกาสทองที่จะโกยกำไรจากการเก็งกำไรล่วงหน้า พวกเขาใช้เส้นของ Abel Corbin ที่เป็นเครือญาติของผู้นำประเทศในการเข้าถึงวงในของรัฐบาล และใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ข้อมูลลับมาก่อนใคร
แผนปั่นระดับตำนาน
เมื่อได้คนในกระทรวงการคลังอย่าง Butterfield มาอยู่ในมือ Gould และ Fisk ก็เริ่มปฏิบัติการ:
แผนนี้ได้ผลเกินคาด นักลงทุนแห่กันเข้ามาซื้อทอง ทะลักทั้งตลาด ราคาทองคำพุ่งจาก 4 ดอลลาร์ เป็น 137 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในเวลาเพียง 6 วัน หรือกว่า 3,300% ในพริบตา!
คนทั้งตลาดต่างเชื่อว่ามาถูกทาง ถึงขั้นกู้หนี้ยืมสินมาลงทุนในทองคำ เพราะคิดว่ากำลังได้ขี่คลื่นรวยระลอกใหญ่
จดหมายลับที่พังแผนทั้งกระดาน
เรื่องคงจะจบด้วยดี (ของพวกปั่นทอง) ถ้าไม่มี “จดหมายฉบับนั้น” หลุดไปถึงประธานาธิบดี Grant
จดหมายนั้นคือของ Abel Corbin ที่เขียนถึงภรรยา (น้องสาวของ Grant เอง) บอกเล่าการวางแผนโน้มน้าวรัฐบาลไม่ให้ขายทองออกมา ซึ่งนั่นแปลว่าทุกอย่างเป็นการหลอกใช้ประธานาธิบดี!
เมื่อ Grant เห็นข้อความในจดหมายนั้น เขาโกรธสุดขีด และสั่งให้กระทรวงการคลัง “ขายทองออกมาทันที” โดยไม่สนว่าตลาดจะเป็นยังไง
เกมแตก ตลาดพัง นักลงทุนเจ็บ
ราคาทองคำดิ่งลงแบบไม่ทันตั้งตัว นักลงทุนที่ซื้อไว้แพง ๆ ตื่นตระหนก ขายเทออกมาแบบล้างพอร์ต คนที่กู้เงินมาซื้อทองล้มละลายกันเป็นแถว
ตลาดหุ้นก็โดนลูกหลง ราคาสินค้าเกษตรพังยับ เกษตรกรกว่า 50% ของแรงงานสหรัฐฯ ที่หวังจะได้อานิสงส์จากค่าเงินอ่อน กลับกลายเป็นกลุ่มที่เจ็บหนักที่สุด
Daniel Butterfield โดนสอบและถูกไล่ออกจากตำแหน่ง
Abel Corbin ขาดทุนย่อยยับ
แต่ Jay Gould กับ James Fisk กลับรอด เพราะขายทองก่อนตลาดแตก แถมใช้ทนายมือดีช่วยล้างข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม ชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ:
บทเรียนจาก Black Friday
เหตุการณ์นี้กลายเป็นหนึ่งในตัวอย่างคลาสสิกของการใช้อำนาจ ความสัมพันธ์ และข้อมูลวงในเพื่อหากำไรจากตลาดอย่างไม่เป็นธรรม มันสะท้อนให้เห็นว่า บางครั้ง “ความลับที่เปิดเผยผิดที่ผิดเวลา” อย่างจดหมายของสามีถึงภรรยา ก็สามารถเขย่าตลาดทั้งประเทศได้
และที่สำคัญ...ในตลาดการเงิน ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม แม้แต่ “น้องเขยประธานาธิบดี”
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ปอศ. เปิดปฏิบัติการ “Bye Bye Dark Wallets” บุกค้น 10 จุดทั่วประเทศ จับผู้ต้องหากลุ่มใหญ่ลักลอบให้บริการ e-Money ผิดกฎหมาย มียอดหมุนเวียนเกือบ 400 ล้านบาท พบเปิดบริการโอนเงินออกนอกโดยไม่ขออนุญาต-ไม่เสียภาษี แนะประชาชนตรวจสอบก่อนใช้บริการโอนเงินหรือ e-Money ว่าได้รับอนุญาตจากแบงก์ชาติหรือไม่ เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงด้านกฎหมายและความปลอดภัย
VPN ไม่ได้ช่วยเสมอไป! แม้หลายคนคิดว่าใช้ VPN เข้าเว็บเทรดที่ถูกแบนได้เหมือนเดิม แต่หากฝืนล็อกอินหลังวันที่ 28 มิ.ย. 2568 อาจเข้าข่ายละเมิดคำสั่ง ก.ล.ต. และเสี่ยงผิดกฎหมาย หากเกิดปัญหา เช่น เงินหาย เว็บปิด หรือถูกโกง รัฐจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น ใครยังลงทุนคริปโต ควรเช็กให้แน่ใจว่าใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาตจริง ไม่เช่นนั้นความเสี่ยงอาจสูงเกินจะรับไหว
ในยุคที่มิจฉาชีพทางการเงินสวมคราบมืออาชีพ ความโลภและความหวังกลายเป็นช่องโหว่ให้คนฉลาดยังตกเป็นเหยื่อ รูปแบบหลอกลวงหลากหลาย ตั้งแต่แชร์ลูกโซ่ แพลตฟอร์มปลอม จนถึงการใช้ชื่อคนดัง การมีภูมิคุ้มกันทางการเงินและสติ คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด เพราะโจรมักเร่งให้ตัดสินใจก่อนคิดเสมอ
ปลายเดือนมิถุนายน 2568 นักลงทุนคริปโตถูกปล้นเงินสดกว่า 3.4 ล้านบาทกลางลานจอดรถห้างดังย่านลาดพร้าว ขณะทำธุรกรรมซื้อขายเหรียญดิจิทัลกับกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนและมีดในการก่อเหตุ ผู้เสียหายได้นัดหมายซื้อขายล่วงหน้า ก่อนถูกบุกปล้นและหลบหนีโดยรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวน พบมีการวางแผนล่วงหน้า เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นความเสี่ยงสูงของการทำธุรกรรมนอกระบบและถือเงินสดจำนวนมากในตลาดคริปโต